play8Kit103

Archive for มิถุนายน 2009

บริษัท เอ็กซ์โมรี่ จำกัด อวดโฉมผลิตภัณฑ์เคส GMC R-2 ‘Toast’ เปิดสู่โลกแห่งเคสดีไซน์จากประเทศเกาหลี ด้วยการออกแบบเคสสไตล์โมเดิร์น สร้างความแปลกใหม่และฉีกความจำเจที่คุณเคยสัมผัสเคสทั่วไป เอกลักษณ์ในตัวเคส GMC R-2 ‘Toast’ อยู่ที่ช่องเล่น ODD แบบแนวตั้งได้แนวคิดการเคลื่อนไหว Pop-Up จาก‘Toaster’ จึงเป็นที่มาของชื่อรุ่น GMC R-2 ‘Toast’

เคส GMC R-2 ‘Toast’ มีขนาดกะทัดรัด 18 x 29 x 42 ซม. ความสามารถรองรับได้ถึง Full ATX main board, ATX Power supply, longest graphic card ระดับ high-end Gaming PC. วัสดุทำด้วย ABS ได้รับมาตรฐานการผลิตที่ถูกต้อง น้ำหนัก 3.5 กิโลกรัม สามารถบรรจุอุปกรณ์ HDD x 2, ODD x1 รองรับ Expansion ถึง 7 Slots เชื่อมต่อ Multi port USB 2.0 x 2 port + Audio (HD audio & AC97) + MIC port พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยพัดลมขนาด 80 mm. Air duct, PCI Air hole เปิดสู่โลกแห่งการดีไซน์ด้วยเคสสไตล์คุณเอง ได้ที่ร้านค้าไอทีชั้นนำทั่วประเทศ

เป็น USB Flashdrive สำหรับคนรักกีฬาฟุตบอลอีกหนึ่งแบบ ที่ออก Flashdrive เป็นนักฟุตบอลจากทีมต่างๆ ที่เข้าแข่งขันฟุตบอลโลก โดย Flashdrive จะทำแบบชุดเป็นชุดของทีมชาตินั้นๆ เลย มีทั้งอิตาลี่ โปรตุเกส เนเธอร์แลนด์ โครเอเชีย และ เยอรมัน

ตัว Flashdrive เป็น USB ที่เวลาใช้ต้องถอดหัวของนักฟุตบอลออกมาแล้วเสียบตัวเข้ากับคอมพิวเตอร์ ความจุมีขนาด 1GB สำหรับราคาประมาณ 30 เหรียญสหรัฐ รักทีมไหน ชอบทีมไหนก็เลือกกันได้ แต่ถ้าอยากให้มีทีมไทยด้วย คงต้องฝันกันอีกนาน กว่าไทยจะได้ไปบอลโลก !

puresilicon_1tb_ssd_01_10_09 pureSilicon เปิดตัวฮาร์ดดิสก์ SATA-II ขนาด 2.5 นิ้ว ซึ่งใช้เทคโนโลยีภายในเป็นแบบชิพหน่วยความจำ (SSD HDD) ซึ่งมีความจุที่ 1TB ถือได้ว่าเป็นฮาร์ดดิสก์แบบ SSD ที่เป็น SATA-II ที่มีความจุ 1TB ตัวแรกของโลก

……..ฮาร์ดดิสก์จาก pureSilicon ตัวนี้นอกจากเรื่องความจุที่สูงแล้ว ยังมาพร้อมกับความเร็วสูงสุดอีกด้วย โดยข้อมูลของ pureSilicon อ้างว่าฮาร์ดดิสก์รุ่นนี้สามารถรับส่งข้อมูลได้สูงสุดเท่ากับความเร็วสูงสุด ของ SATA-II คือที่ 300MB/s

……..และถ้าหาก สนใจเฉพาะเรื่องความเร็วของฮาร์ดดิสก์จาก pureSilicon แต่ไม่อยากใด้ความจุสูง 1TB ก็ยังมีฮาร์ดดิสก์ที่มีความเร็วเท่ากันแต่ขนาดเล็กกว่าให้เลือกอีกหลายรุ่น ตั้งแต่ขนาด 32GB จนถึง 512GB

……..ฮาร์ดดิสก์ของ pureSilicon จะเริ่มวางจำหน่ายในอเมริกาฯในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

ที่มา http://www.marketwire.com/press-release/Puresilicon-936099.html


คำว่า “nano” มักจะหมายถึงความ “เล็กจิ๋ว” และเมื่อเทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำมาใช้ในการออกแบบ SSD (Solid State Disk) มันจะทำให้ดิสก์พวกนี้เล็กลงได้สักแค่ไหน? ซึ่งในงาน Computex ที่ไต้หวัน บริษัท InnoDisk ได้นำ nano SSD มาโชว์ ด้วยความจุ 128 GB ขนาดเท่าๆ กับหน้าปัดนาฬิกาข้อมือเท่านั้น

nano SSD ความจุ 128GB จะมีความเร็วในการเขียนข้อมูล (write speed) สูงสุด 160 เมกะไบต์ต่อวินาที และความเร็วในการอ่านข้อมูล (read speed) สูงสุดถึง 150 เมกะไบต์ต่อวินาที แต่เพื่อให้เห็นภาพความเล็กจิ๋วของ nano SSD ชัดเจนขึ้น ทางบริษัทจึงได้นำมาเปรียบเทียบกับขนาดของฮาร์ดดิสก์ 3.5 นิ้ว และ SSD 2.5 นิ้ว

InnoDisk ยังแสดงให้เห็นว่า ดิสก์จิ๋วตัวนี้มีความทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนมากๆ ได้ โดยในการสาธิต ทางบริษัทได้สร้างเมนบอร์ดที่ต่อกับ nano SSD และให้มีแรงสั่นสะเทือนต่อเนื่องด้วยความเร่ง 20g อย่างไรก็ตาม ในคลิปที่นำมาฝากกันนี้ ไม่ได้มีการถ่ายหน้าจอคอมพิวเตอร์ขณะทำงานให้ดู ก็เลยไม่กล้าฟันธงเหมือนกันว่า มันทนแรงสั่นสะเทือนได้จริง หรือเปล่า? แต่ถ้าสั่นขนาดนี้แล้วยังทำงานได้ล่ะก็ คงต้องยกนิ้วให้เลยสำหรับ nano SSD ของ InnoDisk ที่ทั้งจิ๋ว (เล็ก) แจ๋ว (ความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูล) และอึด (อดทนต่อการสั่นสะเทือน)


หลังจากปล่อยให้ค่ายอื่นทำตลาดฮาร์ดดิสก์แบบ SSD กันไปบ้างแล้ว ถึงคิวของผู้ผลิตหน่วยความจำระดับโลกอย่าง Kingston กับการเปิดตัวฮาร์ดดิสก์ SSD หรือ Solid State Drive ในรุ่น V-Series โดยมีความจุให้เลือกขนาด 64GB และ 128GB กับรูปแบบการใช้งานยังคงเป็น SATA II มีความเร็วในการอ่านข้อมูลที่ 100 MB/s และบันทึกข้อมูลที่ 80 MB/s มาพร้อมเทคโนโลยี Shock Resistance และ S.M.A.R.T มีอัตราการบริโภคพลังงานเพียง 2.5 วัตต์ (โหมด Active) และ 0.45 วัตต์ (โหมด Sleep) เหมาะสำหรับใช้งานร่วมกับโน้ตบุ๊กและพีซี เปรียบเสมือนฮาร์ดดิสก์ลูกที่สอง คอยแบ็กอัพ เก็บบันทึก โอนถ่ายหรือจะโยกย้ายข้อมูล ทำได้ง่ายๆ ดั่งใจนึก พกพาไปมาได้อย่างมั่นใจด้วยรูปทรงและขนาด น้ำหนักที่เบา เปิดตัวที่ขนาด 128 GB สนนราคาประมาณ $229 ยังไม่กำหนดวันวางจำหน่าย


ที่มา : futurelooks

Intel ได้มีการเปิดตัว SSD 160GB ในรุ่น X25-M series ไปแล้ว แต่นั่นก็ไม่เพียงพอ โดยทาง Intel มีแผนที่จะออก SSD ที่มีความจุเพิ่มขึ้นกว่านี้อีกเท่าหนึ่งให้ได้ในช่วงสิ้นปีนี้


โดย ณ ปัจจุบัน SSD ที่ออกมาเป็นรุ่น 160GB X25-M ขนาด 2.5 นิ้ว ซึ่งก็เป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีเยี่ยม และพัฒนาขึ้นมาโดยใช้เทคโนโลยีการผลิตแบบ 50nm แต่ความสำเร็จต่อมาของทาง Intel ก็คือการออก SSD ที่มีความจุ 320GB ออกมาในช่วง Q4 2009 นี้โดยใช้กระบวนการผลิตแบบ 34nm ซึ่งนั่นก็หมายความจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโน้ตบุ๊กได้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตามก็คงต้องมามองในเรื่องของราคาด้วย

ที่มา – fudzilla


สำหรับคนที่ชอบเดินทางสมบุกสมบัน และ คิดว่า การอาบน้ำจะทำให้การเดินทางนั้นสดชื่นไปได้นานยิ่งขึ้นนะคะ ซีขอเสนอ ฝักบัวที่สามารถพกใส่หลังรถไปอาบได้ทุกที่ค่ะ

ลักษณะเป็นถุงน้ำ เวลาที่พับเก็บ มีขนาดกระทัดรัด แค่ 3×6 นิ้ว และน้ำหนักเบามากค่ะ 120 กรัม สามารถเก็บกักน้ำได้10ลิตร ตัวถุงน้ำมีสีเข้มเวลาโดนแสงแดดนานๆจะช่วยเพิ่มอุณหภูมิของน้ำ ให้น้ำไม่เย็นเกินไป จะได้ไม่ร้องวี้ดว้ายค่ะ

ฝักบัวสามารถปรับปริมาณน้ำมากน้อยได้ สามารถปล่อยน้ำให้ไหลได้นานประมาณ 7นาทีเชียวล่ะ–ไม่รู้ว่าไหลเป็นหยดๆหรือเปล่านะ

ราคาขายประมาณ 15ปอนด์ หรือประมาณ 850บาทค่ะ
ที่มา firebox

Samsung เปิดตัว Samsung i8910HD หรือที่เรารู้จักกันว่า Samsung OMNIA HD สุดยอดสมาร์ทโฟนเครื่องแรกของ Samsung ที่เป็นการใช้ระบบปฎิบัติการ Symbian เป็นครั้งแรก… Samsung i8910HD มาพร้อมกับรูปแบบการแสดงผลแบบความละเอียดสูง บันทึกวิดีโอและการแสดงผลแบบ HD ผ่านทางหน้าจอ AMOLED ขนาด 3.7 นิ้วที่ให้ความละเอียดมากกว่าหน้าจอแอลซีดีทั่วไป ติดตั้งกล้อง CMOS ความละเอียด 8 ล้านพิกเซลที่ขนาด 3264 x 2448 พิกเซล พร้อมระบบ Auto Focus ไฟแฟลช LED แบบคู่ ระบบตรวจจับใบหน้าอัตโนมัติ, รอยยิ้ม, การกระพริบตา และโหมดพาโนรามา ซูมดิจิตอลได้ 4 เท่า รองรับระบบเครือข่าย UMTS (900/1900/2100) และ Quadband (GSM 850/900/1800/1900 MHz) เชื่อมต่อข้อมูลผ่านทาง 3G-HSDPA, EDGE/GPRS, Wi-Fi, Bluetooth v2.0 และสาย USB 2.0 มีระบบ GPS ในตัว รันบนระบบปฎิบัติการ Symbian S60 5.0 (Full touch UI) พร้อม Mobile Widget เวอร์ชัน 1.5 Samsung i8910HD บันทึกวิดีโอได้ที่ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล ที่ 24 เฟรมต่อวินาที มีหน่วยความจำภายใน 8GB รองรับการ์ดความจำภายนอกได้สูงสุดถึง 48GB เปิดรอรับสายได้นาน 600 ชั่วโมง สนทนาได้นานต่อเนื่อง 13.5 ชั่วโมง ภายใต้ขนาด 123 x 58 x 12.9 มิลลิเมตร หนัก 144 กรัม จำหน่ายอยู่ที่ราคา 26,900 บาท

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ไมโครซอฟท์ได้ออกมาประกาศถึงราคาจัดจำหน่ายของระบบปฏิบัติการ Windows 7 อย่างเป็นทางการ โดยจะมีราคาต่ำกว่าระบบปฏิบัติการ Windows Vista ในเวอร์ชั่นเท่าเทียมกัน พร้อมกับเสนอส่วนลดให้กับผู้ใช้ที่ได้ทำการสั่งในรอบ preorder กับตัวแทนจำหน่ายอีกด้วย

โดยนับตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 11 กรกฎาคมนี้ ผู้ใช้ในสหรัฐฯจะสามารถทำการซื้อการอัพเกรดจากระบบปฏิบัติการปัจจุบันไปเป็น Windows 7 Home premium ได้ในราคาเพียง 49ดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือ Windows 7 Professional ได้ในราคา 99ดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งจะสามารถทำการอัพเกรดได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP และ Vista โดยราคาพิเศษนี้ จะใช้ได้เฉพาะช่วงเวลาดังกล่าวข้างต้น และมีจำนวนจำกัดเท่านั้น โดยผู้ใช้จะสามารถซื้อการอัพเกรดนี้ได้ผ่านทางตัวแทนจำหน่าย Amazon, Best Buy, Microsoft store, Office Depot, OfficeMax, Costco, Staples, Wal-Mart และตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการ สำหรับราคาจำหน่ายจริงที่จะเริ่มจำหน่ายในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ไมโครซอฟท์ได้วางแผนที่จะจำหน่ายการอัพเกรดในเวอร์ชั่น Home Premium ในราคา 119ดอลล่าร์สหรัฐฯ เวอร์ชั่น Professional ในราคา 199ดอลล่าร์สหรัฐฯ และเวอร์ชั่น Ultimate ในราคา 219ดอลล่าร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเห็นได้ว่า ราคาจำหน่ายในเวอร์ชั่น Home Premium นั้น จะต่ำกว่าของ Vista ที่จำหน่ายอยู่ 40ดอลล่าร์สหรัฐฯ ในขณะที่เวอร์ชั่น Professional และ Ultimate จะมีราคาเท่ากัน แต่สำหรับเวอร์ชั่นเต็ม จะมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 199ดอลล่าร์สหรัฐฯ สำหรับ Home Premium 299ดอลล่าร์สหรัฐฯ สำหรับ Professional และ 319ดอลล่าร์สหรัฐฯ สำหรับ Ultimate โดยในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ไมโครซอฟท์จะเริ่มวางจำหน่าย Windows 7 ใน 14 ภาษา ได้แก่ อังกฤษ, สเปน, ญี่ปุ่น, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, อิตาลี, ดัชต์, รัสเซีย, โปแลนด์, บราซีเลี่ยน โปรตุเกส, เกาหลี, จีนประยุกต์, จีนโบราณ และกวางตุ้ง และจะวางจำหน่ายในอีก 21 ภาษาในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะมีเวอร์ชั่นภาษาไทยรวมอยู่ด้วย

สองบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์ และมือถือจับมือร่วมพัฒนามือถือแพลตฟอร์มใหม่…Intel และ Nokia ประกาศร่วมมือพัฒนามือถือแพลตฟอร์มใหม่ ที่มีลักษณ์รวมทุกเทคโนโลยีของสมาร์ทโฟน โน้ตบุ้ค และเน็ตบุ้คเข้าด้วยกัน และการร่วมมือร่วมพัฒนาในครั้งนี้จะมีการแลกเปลี่ยนความรู้ในเทคโนโลยีระหว่างทั้ง 2 องค์กร โดยทางฝั่ง Intel ได้ส่งมอบโปรเจคโอเพนซอร์สของระบบมือถือในขั้นพัฒนาที่อยู่ในครอบครองส่วนทางฝั่ง Nokia จะทำการส่งมอบลิขสิทธิ์เทคโนโลยีโมเด็ม 3G/HSPA เพื่อให้ Intel สามารถใช้เทคโนโลยีนี้ในผลิตภัณฑ์ที่จะออกวางจำหน่ายในอนาคตได้ นับว่าเป็นรูปแบบการรบครั้งใหม่ที่จะเอาชนะ iPhone เลยทีเดียว


หน้า